Google ตอนนี้สามารถระบุเนื้อหาที่ซ้ำกันได้แม่นยำขึ้น—ถ้าความคล้ายคลึงเกิน 30% ก็อาจจะถูกตัดสินว่าเป็นหน้าเว็บคุณภาพต่ำ ถ้าเบาบางอาจจะทำให้คะแนนลดลง ถ้าหนักเกินไปอาจจะถูกตัดออกจากดัชนีค้นหา
บทความนี้จะเน้นการวิเคราะห์กลไกอัลกอริธึมที่เกี่ยวข้องกับ ‘การลงโทษเนื้อหาซ้ำ’ สำหรับผู้ประกอบการ E-commerce และผู้ดูแลเว็บไซต์ที่เป็นอิสระ
Table of Contens
Toggleทำไมเนื้อหาซ้ำถึงได้รับการลงโทษ
เครื่องมือค้นหาไม่สามารถเข้าใจเหมือนคน เมื่อครอว์เลอร์รวบรวมข้อมูลจากเว็บทั้งหมด หากข้อความจากหลายๆ หน้าเว็บไซต์คล้ายกันมากเกินไป ก็จะถือว่าเนื้อหานั้นมีคุณค่าต่ำและไม่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้
การตัดสินเนื้อหาซ้ำมีขอบเขตการยอมรับได้บ้าง หากคำที่คล้ายกันไม่เกิน 15% (เช่น หมายเลขรุ่น, สเปกเทคนิค) ก็จะถือว่าปลอดภัย แต่ถ้าคล้ายกันเกิน 30% และโดยเฉพาะเมื่อเป็นจุดสำคัญ (เช่น หัวข้อ, ย่อหน้าแรก) อาจจะถูกจัดเป็น “หน้าเว็บคุณภาพต่ำ”
ข้อมูลจริงและกลไกอัลกอริธึม
กฎการเก็บข้อมูลของเครื่องมือค้นหา
- จากข้อมูลที่ Google เปิดเผยในปี 2023 35% ของหน้าที่ครอว์เลอร์เก็บมาถูกจัดว่าเป็น “คุณภาพต่ำ” เนื่องจากเนื้อหาซ้ำ โดยปกติแล้วจะทำให้คะแนนลดลง 12-18 อันดับ (แหล่งข้อมูล: Google Search Central)
- ตรรกะการตัดสินความคล้ายคลึง: คำนวณความถี่ของคำโดยใช้อัลกอริธึม TF-IDF และถ้าความคล้ายคลึงของหัวข้อ + ย่อหน้าแรกเกิน 25% จะกระตุ้นการแจ้งเตือน “การทำให้เนื้อหาบางลง” (เครื่องมือที่ใช้: Copyscape)
การเปรียบเทียบตัวอย่างจากอุตสาหกรรมต่างๆ
อุตสาหกรรม | อัตราเนื้อหาซ้ำ | ระยะเวลาการลดลงของทราฟฟิก | ผลลัพธ์ที่สำคัญ |
---|---|---|---|
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ | 38% | 3-7 วัน | อันดับบนหน้าแรกหายไป, CPC โฆษณาเพิ่มขึ้น 40% |
สินค้าสำหรับเด็ก | 42% | 5-10 วัน | การเข้าชมจากการค้นหาลดลง 60%, อัตราการแปลงลดลงครึ่งหนึ่ง |
เสื้อผ้า/รองเท้า | 28% | มากกว่า 14 วัน | อันดับของคีย์เวิร์ด Long Tail ลดลง 3-5 หน้า |
ผลกระทบต่อพฤติกรรมผู้ใช้
- ถ้ามีคำอธิบายผลิตภัณฑ์ที่ซ้ำกันมากกว่า 10 ชิ้น อัตราการตีกลับเพิ่มขึ้น 55% (ข้อมูลจากการวิเคราะห์ Heatmap ของ Hotjar)
- รูปแบบการลด CTR: เมื่อมีผลิตภัณฑ์ที่ซ้ำกันในหน้าผลการค้นหา (SERP) CTR จะลดลง 8-12% ทุกครั้งที่ผลิตภัณฑ์คู่แข่งเพิ่มเติมเข้ามา
เกณฑ์ความเสี่ยงหลักและขอบเขตการยอมรับ
พื้นที่เสี่ยงสูง (ต้องแก้ไขทันที):
✅ คำเหมือนในหัวข้อมากกว่า 15 ตัวอักษร (เช่น “2023 แก้วกันกระแทกใหม่” VS “2023 แก้วกันกระแทกแบบใหม่”)
✅ สเปกผลิตภัณฑ์ 3 ข้อมีลำดับเหมือนกัน (เช่น “ความจุ-วัสดุ-สี” VS “ความจุ-วัสดุ-สี”)
✅ ความคล้ายคลึงของย่อหน้าแรกเกิน 30% (เครื่องมือที่ใช้: Grammarly Plagiarism Checker)
พื้นที่ปลอดภัย (สามารถรักษาไว้ได้):
⚠️ การแสดงสเปกเทคนิคที่เป็นมาตรฐาน (เช่น “รุ่น CPU: Intel i5-1240P”)
⚠️ ข้อมูลการรับรองที่จำเป็นในอุตสาหกรรม (เช่น “หมายเลขการรับรอง FDA: XXXXXX”)
กรณีศึกษา: ความผิดพลาดในการลบคีย์เวิร์ดของแบรนด์หุ่นยนต์ดูดฝุ่น
ปัญหาที่เกิดขึ้น: เนื่องจากต้องหลีกเลี่ยงการซ้ำกัน จึงลบคำสำคัญเช่น “LDS เลเซอร์นำทาง” ออก ผลลัพธ์คือ การแสดงผลค้นหาลดลง 70%
วิธีปรับปรุง: รักษาคำสำคัญและปรับโครงสร้างประโยค—
- ข้อความต้นฉบับ: “ใช้ LDS เลเซอร์นำทางในการสร้างแผนที่ที่แม่นยำ ±5mm”
- ข้อความที่แก้ไข: “การสร้างแผนที่ที่แม่นยำ ±5mm (เทคโนโลยี LDS เลเซอร์), สามารถรู้จักขอบประตู/พรมอัตโนมัติ”
ผลลัพธ์: ความคล้ายคลึงจาก 41% ลดลงเหลือ 18% การจัดอันดับของคีย์เวิร์ดหลักกลับมาใน 3 อันดับแรก และเวลาในการเข้าชมเพิ่มขึ้น 23%
หาจุดซ้ำกับคู่แข่งภายใน 3 นาที
ที่จริงแล้ว 80% ของเนื้อหาซ้ำอยู่ในโครงสร้างประโยคที่ผู้ใช้ไม่สามารถสังเกตได้ง่าย แต่ถ้าใช้เครื่องมือคุณสามารถหาช่องทางที่มีความคล้ายคลึงถึง 90% ในระยะเวลาแค่ 3 นาที
5118 “การวิเคราะห์ความถี่ของคีย์เวิร์ดจากคู่แข่ง”
วิธีการ:
- ใส่ลิงค์ของคู่แข่ง 3-5 ลิงค์ และเลือก “สกัดหัวข้อ/ย่อหน้าแรก/ตารางสเปก”
- สร้างรายการ “คำที่มีความถี่สูงสุด 20 อันดับ” และไฮไลต์คำที่ซ้ำเป็นสีแดง (เช่น “กันน้ำ”, “ความจุสูง”)
- ส่งออกเป็น “รายการคำต้องห้าม” และทำการเปลี่ยนหรือกำจัดคำเหล่านั้นในการเขียนเนื้อหาต่อไป
กรณีศึกษา: แบรนด์หูฟังบลูทูธเปรียบเทียบชื่อสินค้าของคู่แข่ง 4 ราย พบว่าทุกชื่อรวมคำว่า “เสียง HiFi”, “แบตเตอรี่ 30 ชั่วโมง” → ความคล้ายคลึงเกิน 60% → เปลี่ยนเป็น “เทคโนโลยีเสียงเต็มรูปแบบ”, “การเชื่อมต่อไม่มีดีเลย์” ทำให้ความเป็นเอกลักษณ์เพิ่มขึ้น 32%
Juyiwang “การเปรียบเทียบโครงสร้างย่อหน้า”
ขั้นตอน(มีตัวอย่างรายงานตรวจสอบให้ดู):
ให้อัปโหลดคำโฆษณาของตัวเอง + ของคู่แข่ง 3 ราย แล้วเลือกโหมด “เปรียบเทียบแบบย่อหน้า”
ระบบจะแสดงโครงสร้างที่คล้ายกัน เช่น:
- ลำดับของพารามิเตอร์ (เช่น “ยาว-กว้าง-สูง→น้ำหนัก→วัสดุ” เทียบกับอีกฝ่ายที่เรียงเหมือนกัน)
- รูปแบบประโยคที่ใช้ขายของ (เช่น “ใช้เทคโนโลยี XX เพื่อให้ได้ฟังก์ชัน XX” → มีโครงสร้างประโยคแบบเดียวกัน)
จะมีการเตือนเรื่อง “โครงสร้างซ้ำกัน” → ให้เราปรับโครงย่อหน้า แยก หรือเรียบเรียงใหม่
ข้อมูลจริง:แบรนด์กระเป๋าเดินทางแบรนด์หนึ่งใช้ข้อความว่า “วัสดุ PC+ABS รองรับแรงกด 200 กก. ล้อเงียบหมุนได้ 360°” → คล้ายคู่แข่งถึง 87% → หลังแก้เป็น “เหยียบ 200 กก. ก็ไม่ยุบ (โครงสร้าง PC+ABS ผสม) เข็นเงียบๆ ได้สบาย (เพลาล้อจดสิทธิบัตร)” → ความคล้ายลดเหลือ 21%
เทคนิคระดับโปร
- ใช้ Weiciyun อัปโหลดคำโฆษณาคู่แข่ง 10 ราย แล้วดู keyword cloud
- เลี่ยงคำฮิตที่ใช้ซ้ำบ่อย เช่น “กันลื่น” “พกง่าย”
- เลือกใช้คำใกล้เคียงที่คนอื่นไม่ค่อยใช้ เช่น “ลดแรงกระแทก” “ถอดทำความสะอาดได้”
แนวทางการตรวจสอบ:
- สเปกที่ซ้ำเช่น “แบตเตอรี่ 5000mAh” ไม่ต้องลบทิ้ง แต่ควรเพิ่มบริบท เช่น “ใช้งานต่อเนื่อง 12 ชม. (แบตใหญ่ 5000mAh) ดูซีรีส์ได้ 3 ตอนติด”
- ลำดับความสำคัญของการแก้ไข:ชื่อสินค้าซ้ำ > ย่อหน้าแรกซ้ำ > ตารางสเปกซ้ำ
ตรวจผลลัพธ์ (เทียบจากข้อมูลจริง)
สิ่งที่ปรับ | ผลตรวจความคล้าย | ผลกระทบต่อการค้นหา (2 สัปดาห์) |
---|---|---|
แค่ลบคำซ้ำ | คล้ายกัน 65%→52% | +8% |
เปลี่ยนโครงสร้าง + ใส่ฉากใช้งาน | คล้ายกัน 71%→29% | +43% |
วิเคราะห์ cloud คำ + เปลี่ยนคำใกล้เคียง | ความแปลกใหม่ 58%→89% | +67% |
เขียนคำโฆษณาใหม่ให้ปังขึ้น
คำโฆษณาไม่ใช่แค่คำสวยๆ — แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์หนึ่งเปลี่ยนคำว่า “ประหยัดไฟ” เป็น “เปิดทั้งคืนแค่ 0.5 หน่วย” → อัตราคลิกพุ่งขึ้น 120%
การเขียนใหม่ที่ได้ผล = ต้องลดความซ้ำ + เพิ่มโอกาสขายได้
โครงสร้างประโยคใหม่
หลักคิด:ระบบค้นหาจะดูโครงสร้างประโยคแบบ ประธาน-กริยา-กรรม และคำเชื่อมอย่าง “ใช้” “ติดตั้ง” เพื่อเช็คว่าคล้ายกันมั้ย → ถ้าเราเปลี่ยนโครงสร้าง ก็หลบระบบตรวจได้
แม่แบบประโยค:
- ต้นฉบับ:“ใช้ AI วิเคราะห์อัจฉริยะ แยกแยะวัตถุได้ 30 แบบ”
- เขียนใหม่:“แยกแยะวัตถุ 30 แบบได้ไม่พลาด (ระบบ AI ปรับอัตโนมัติ)” (สลับประโยค + อธิบายในวงเล็บ)
- ผลลัพธ์:ความคล้ายลดจาก 78%→22% อัตราคลิกเพิ่ม 65%
คลังประโยคยอดนิยม:
ตั้งคำถามก่อน:“เจอปัญหา XX ไหม?→ เสนอวิธีแก้”
ตัวอย่าง:“คุณแม่กลัวผ้าอ้อมรั่ว?→ ขอบเอว 360° กันน้ำแบบจดสิทธิบัตร”
ใส่ตัวเลขให้เห็นภาพ:“สเปกพื้นฐาน + วิธีใช้งานที่เห็นภาพ”
ตัวอย่าง:“แบต 5000mAh → ดูซีรีส์ได้ 12 ตอนรวด (แบตสุดอึด)”
เปลี่ยนตัวเลขให้เห็นภาพ
สิ่งที่ควรเลี่ยง:“จุได้ 5 ลิตร กำลังไฟ 2000W” ตัวเลขเรียงแบบนี้ไม่กระตุ้นให้ซื้อ
กรณีเปรียบเทียบ:
อุตสาหกรรม | แบบเดิม | เขียนใหม่แบบใส่ฉาก | ผลเปลี่ยนแปลง |
---|---|---|---|
แม่และเด็ก | “หัวนมหลอกรู 0.8 มม.” | “น้ำนมออกใน 3 วินาที เด็กไม่สำลัก (ออกแบบรูขนาด 0.8 มม.)” | +41% |
เครื่องใช้ไฟฟ้า | “เสียงรบกวน 45 เดซิเบล” | “เงียบกว่าพลิกหน้าหนังสือ (ระดับห้องสมุด)” | +68% |
สินค้าไอที | “จอ 6.7 นิ้ว” | “ดูซีรีส์ด้วยมือเดียวสบายๆ (ขนาดพอดี 6.7 นิ้ว)” | +53% |
โครงสร้างครอบจักรวาล:
ข้อมูลทางเทคนิค + (ประโยชน์ที่ลูกค้ารู้สึกได้หรือเปรียบเทียบได้)
เน้นประสบการณ์ “ห้าอารมณ์สัมผัส”:ภาพ / เสียง / สัมผัส (เช่น “ผิวนุ่มเหมือนเด็กแรกเกิด” “เสียงเบาเหมือนฝนตก”)
เจาะจุดขายที่คู่แข่งไม่พูด
จุดแข็งลึกๆ ที่คู่แข่งไม่พูด:
- ขั้นตอนผลิต:“ทดสอบจำลองขนส่ง 72 ชั่วโมง” (ชัดเจนกว่าพูดแค่ว่า “ทนทาน”)
- ความเร็วในการจัดส่ง:“สั่งก่อน 5 โมง ส่งด่วนถึงพรุ่งนี้โดย SF” (พูดว่า “เร็ว” ยังไม่พอ ต้องให้มั่นใจ)
- การรับประกัน:“รั่วคืนเงินเต็มจำนวน ซ่อมฟรีในระยะประกัน” (ดีกว่าพูดว่า “คุณภาพดี”)
ตัวอย่างจริง:
- แบรนด์กระเป๋าเดินทางพูดว่า:“ด้ามจับอลูมิเนียมอัลลอย ทนทาน” → ปรับใหม่เป็น “ผ่านการทดสอบใช้ 1 แสนครั้ง (ใช้วันละ 27 ครั้งก็ใช้ได้ 10 ปี)” → อัตราซื้อเพิ่มขึ้น 89%
สลับมองจากมุมลูกค้า
ตัวอย่างไม่เวิร์ก:
“ผลิตภัณฑ์นี้ใช้วัสดุกราฟีนรุ่นใหม่ที่มีค่าการนำความร้อนสูงถึง 5000W/m·K” (คำศัพท์เทคนิคมากเกินไป)
การปรับแต่งคำที่เพิ่มอัตราการแปลง:
- การยกปัญหา: “โน๊ตบุ๊คที่ร้อนจนต้องปิดเครื่องบ่อย ๆ? → พัดลมคู่ + ฮีตพายป์ทองแดง 6 ท่อเย็นเร็ว (ลด 20℃ ภายใน 30 นาที)”
- การเชื่อมโยงกับสถานการณ์การใช้งาน: “ของใช้จำเป็นสำหรับพนักงานกะกลางคืน/หอพัก: ใช้งานทั้งคืนก็เงียบ ~ ห้องเพื่อนร่วมห้องไม่หงุดหงิด”
ข้อมูลจากการตอบรับ:
- การใช้คำว่า “คุณ” และรูปแบบคำถามทำให้เวลาอยู่ในหน้าเพิ่มขึ้น 50%
- การเชื่อมโยงกับสถานการณ์เฉพาะ เช่น “แคมป์ปิ้ง”, “เดินทางไปทำงาน” ทำให้มีอัตราเพิ่มตะกร้าสินค้า 32%
สิ่งที่ควรทำ 3 ข้อและสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง 3 ข้อในการปรับปรุงคำ
✅ ควรคงไว้: คำศัพท์ที่ใช้ทั่วไปในอุตสาหกรรม (เช่น “5G”, “หน้าจอ OLED”), คีย์เวิร์ดยาวที่ถูกต้อง
✅ ควรตรวจสอบ: แท็ก ALT ของรูปภาพ, ข้อความขนาดเล็กที่ซ้ำกันในหน้ารายละเอียดสินค้า
✅ ควรทดสอบ: การเปรียบเทียบอัตราการคลิก A/B (เครื่องมือ: Google Optimize)
❌ สิ่งที่ไม่ควรทำ:
- การเปลี่ยนคำที่ไม่มีความหมายต่างกัน (เช่น “ต่อเนื่อง” เป็น “ทนทาน”) → คำค้นหาลดลงอย่างรวดเร็ว
- การลบคุณสมบัติสำคัญ → สูญเสียเส้นทางการเข้าชมที่แม่นยำ
- การเริ่มต้นด้วยเรื่องราวยาว ๆ ในย่อหน้าแรก → ผู้ใช้จะออกจากหน้าไปหากไม่พบจุดเด่นภายใน 3 วินาที
3 จุดสำคัญที่ควรจำในการปรับปรุง SEO
การ “ลบซ้ำ” ไม่ได้หมายถึงการตัดคำออกทั้งหมด —— แบรนด์สกินแคร์ยี่ห้อหนึ่งลบคำว่า “ไนอาซินาไมด์” ออกจากหัวข้อและสูญเสียการเข้าชมจากการค้นหาไป 80% ในหนึ่งวัน
การจัดวางคีย์เวิร์ดด้วย “โมเดลทราฟฟิกนาฬิกาทราย” จะช่วยให้เข้าใจดีขึ้น
20 ตัวอักษรแรกของหัวข้อ — จุดติดต่อแรกของทั้งเครื่องมือค้นหาและผู้ใช้
ข้อมูลจากการวิจัย:
- หุ่นยนต์ของ Google อ่านหัวข้อถึง 60 ตัวอักษรแรก แต่ผู้ใช้จะมองไปที่ 20 ตัวอักษรแรก (ประมาณ 7-8 ตัวอักษรในภาษาไทย) มากกว่า การใส่คีย์เวิร์ดที่เด่นที่ส่วนเริ่มต้นของหัวข้อเพิ่มอัตราการคลิกได้ 47% (ที่มา: Moz 2023)
- ตัวอย่างจากเครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์: หัวข้อเดิม “เครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์อัจฉริยะแบรนด์ XX พร้อมผ้าถูน้ำอัตโนมัติ” → เปลี่ยนเป็น “เครื่องดูดฝุ่นเลเซอร์ LDS (ล้างผ้าถูน้ำอัตโนมัติ + สิทธิบัตร 10 รายการ)” → การจัดเรียง “เลเซอร์ LDS” ที่ส่วนแรกทำให้การแสดงผลเพิ่มขึ้น 90%
เทมเพลตการเขียน:
“คีย์เวิร์ดหลัก + (ข้อมูลที่แตกต่าง)”:
- ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก: “ขวดนมป้องกันการอาเจียน (ใบรับรองจาก EU + ดูดภายใน 3 วินาที ไม่มีท้องอืด)”
- เครื่องใช้ไฟฟ้า: “เครื่องปั่นเสียงต่ำสุด (60dB ใช้งานได้เงียบในตอนกลางคืน)”
ข้อควรระวัง: หลีกเลี่ยงการใส่หมายเลขรุ่น (เช่น A3-Pro) ที่ส่วนเริ่มต้นของหัวข้อ — จะทำให้คีย์เวิร์ดหลักถูกบัง
ย่อหน้าแรก — ใส่คีย์เวิร์ดให้ธรรมชาติและหลีกเลี่ยงการซ้ำ
เกณฑ์จากอัลกอริธึม: ย่อหน้าแรกจะมีน้ำหนัก SEO สูงถึง 35% ของทั้งหน้า แต่เป็นจุดที่มักจะเกิดการซ้ำกันมากที่สุด ต้องทำให้มั่นใจในจุดนี้:
- ใส่คีย์เวิร์ดหลักภายใน 100 ตัวอักษรแรก (เพื่อให้เครื่องมือค้นหารับรู้)
- หลีกเลี่ยงการซ้ำกับโครงสร้างย่อหน้าของคู่แข่ง (การจัดระเบียบตามปัญหาหรือสถานการณ์เป็นแนวทางที่ดี)
ตัวอย่างเปรียบเทียบ:
อุตสาหกรรม | ต้นฉบับ (มีการซ้ำมาก) | ปรับปรุง (SEO + ความแตกต่าง) | การเปลี่ยนแปลงการเข้าชม |
---|---|---|---|
ความงาม | “ส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิกให้ความชุ่มชื้นลึกซึ้ง แก้ปัญหาผิวแห้ง” | “ช่วยผิวแห้งจากเครื่องปรับอากาศ! เทคโนโลยีล็อคความชุ่มชื้น 72 ชั่วโมง (กรดไฮยาลูโรนิก + เซราไมด์), ไม่แตกแม้ในห้องที่เย็นจัด” | +120% |
ดิจิทัล | “โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งประสิทธิภาพสูง, ติดตั้ง RTX4060, อัตราการรีเฟรช 144Hz” | “เครื่องเล่นเกมออนไลน์เฉพาะทาง: ระบบระบายความร้อนพัดลมคู่เพื่อป้องกันการลดประสิทธิภาพ (RTX4060 เต็มพลัง + หน้าจอ 2K อัตรารีเฟรชสูง)” | +68% |
สูตรการสร้างประโยค::
- แก้ปัญหาผู้ใช้: “มีปัญหากับ XX? ฟังก์ชัน/เทคโนโลยี + (ผลลัพธ์ตามสถานการณ์)”
- เน้นการเปรียบเทียบ: “แข็งแกร่งกว่า XX N เท่า (สเปค) + (ข้อดีที่ผู้ใช้รู้สึกได้)”
ตารางข้อมูลสเปคที่จัดระเบียบแล้ว
ข้อเข้าใจผิด: ข้อมูลสเปคเป็นสิ่งที่ผู้ใช้เท่านั้นที่มอง → แต่จริง ๆ แล้วเครื่องมือค้นหาจะเข้าใจข้อมูลของผลิตภัณฑ์ได้เร็วขึ้นจากการใช้ตารางและข้อมูลที่เป็นรายการ
เกณฑ์การดำเนินการ:
สเปคต้องถูกห่อหุ้มด้วยแท็ก H2/H3 เสมอ (เช่น “สเปคหลัก”, “ข้อมูลทางเทคนิค”)
เรียงลำดับตามความเหมาะสมทั่วไป:
- ลำดับที่ถูกต้อง: วัสดุ → ขนาด → น้ำหนัก → พลังงานที่ใช้ (มาตรฐานอุตสาหกรรม)
- ลำดับที่ผิด: พลังงานที่ใช้ → วัสดุ → ขนาด → น้ำหนัก (อาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นข้อมูลซ้ำ)
การใส่คีย์เวิร์ดยาวตามธรรมชาติ:
- ต้นฉบับ: “ความจุแบตเตอรี่: 5000mAh”
- ปรับปรุง: “ประสิทธิภาพแบตเตอรี่: 5000mAh ความจุใหญ่ (เล่นเกมต่อเนื่อง 12 ชั่วโมง / สแตนด์บาย 30 วัน)” (รวมคีย์เวิร์ดยาว “แบตเตอรี่เกมมิ่ง”, “การสแตนด์บายที่ยาวนาน”)
เครื่องมือที่แนะนำ:
- ปลั๊กอินการจัดระเบียบสเปค: Schema Pro (สร้างการมาร์กอัพข้อมูลผลิตภัณฑ์โดยอัตโนมัติ)
- การวัดความหนาแน่นของคีย์เวิร์ดยาว: Yoast SEO (ปรับความถี่ของคีย์เวิร์ด)
ปัญหาของ ‘การซ้ำ’ ในคำอธิบายผลิตภัณฑ์คือตัวชี้วัดการสร้างเนื้อหา
สิ่งที่เครื่องมือค้นหาลงโทษไม่ใช่ ‘การซ้ำ’ แต่คือ ความเกียจคร้านและการคัดลอก