ความแตกต่างระหว่างตำแหน่งคีย์เวิร์ดจากเครื่องมือตรวจสอบและผลการค้นหาจริง丨สาเหตุหลัก

本文作者:Don jiang

คุณเคยเจอแบบนี้ไหม? เครื่องมือเช็คอันดับบอกว่าเว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรกของ Google แต่พอคุณลองค้นหาจริงๆ กลับหาไม่เจอแม้แต่หน้า 3

หรือบางทีก็ตรงกันข้าม เครื่องมือบอกว่าอันดับตก แต่ทราฟฟิกจริงกลับเพิ่มขึ้นเฉยเลย

เจ้าของเว็บไซต์หลายคนก็สับสนระหว่าง “ข้อมูลจากเครื่องมือ” กับ “ผลลัพธ์ที่เห็นจริงๆ” แบบนี้ แล้วเราควรเชื่อเครื่องมือที่ต้องจ่ายเงินซื้อมาไหม?

บทความนี้จะพาคุณมา “เปิดโปง” ข้อมูลจากเครื่องมือ และแนะนำวิธีเช็คอันดับที่แท้จริงแบบประหยัดเงินสุดๆ

อันดับจากเครื่องมือกับผลจริงใน Google ต่างกัน

ทำไมข้อมูลจากเครื่องมือถึงไม่ตรงกับความจริง

เครื่องมือบอกว่าเว็บคุณอยู่อันดับ 5 คำว่า “บริษัทรีโนเวท ปักกิ่ง” แต่คุณลองค้นหาจากมือถือ กลับไม่เจอแม้แต่ในหน้า 10

เจ้าของร้านชาไข่มุกคนหนึ่งบอกว่า เครื่องมือโชว์ว่าอยู่อันดับ 1 คำว่า “ชาไข่มุก แนะนำ เขตไห่เตี้ยน” แต่ลูกค้าบอกว่าไม่เคยเห็นเว็บนี้เลยตอนค้นหา จริงๆ แล้วเครื่องมือโกหกใช่ไหม?

① เครื่องมือคือ “หุ่นยนต์” แต่คุณคือ “ผู้ใช้จริง”

เครื่องมือจะยิงคำค้นหาจำนวนมากจากเซิร์ฟเวอร์ (เช่น จาก IP ในอเมริกา ค้นว่า “เช่าบ้าน เซี่ยงไฮ้”) ซึ่ง Google มักจะมองว่าเป็นบอท แล้วโชว์ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนของผู้ใช้ทั่วไป เหมือนร้านอาหารที่แนะนำเมนูไม่เหมือนกันให้ลูกค้าขาประจำกับนักท่องเที่ยว

② คุณค้นหาจากเขตเฉาหยาง เครื่องมือกลับอยู่ที่ท่งโจว

โดยเฉพาะคีย์เวิร์ดที่มีชื่อพื้นที่ เช่น “แม่บ้าน เขตเฉาหยาง” Google จะโชว์ผลลัพธ์ที่อยู่ในรัศมี 3 กิโลเมตรจาก IP ของผู้ค้นหา แต่เครื่องมือใช้ IP เซิร์ฟเวอร์คงที่ เช่น อยู่ที่ไห่เตี้ยน แน่นอนว่าผลลัพธ์ก็ไม่เหมือนกัน

③ Google จดจำประวัติการใช้งานของคุณ

ถ้าคุณเคยค้นหา “เสื้อกันหนาว” ในเถาเป่า แล้วมาค้นว่า “แนะนำเสื้อกันหนาว” ใน Google ระบบก็จะโชว์ผลลัพธ์ที่เชื่อมโยงกับประวัติเหล่านั้น แต่เครื่องมือไม่มีประวัติการใช้งานเลย จึงโชว์ผลต่างกัน

④ เครื่องมือฟรีอาจใช้ข้อมูล “เมื่อ 3 วันก่อน”

เครื่องมือฟรีหลายตัวอัพเดตข้อมูลแค่สัปดาห์ละครั้ง แต่จริงๆ แล้วอันดับใน Google เปลี่ยนทุกชั่วโมง ข้อมูลที่คุณเห็นอาจล้าหลังไปหลายรอบแล้ว

⑤ เครื่องมือใช้ข้อมูลจากพีซี แต่คุณใช้มือถือ

Google แสดงผลแตกต่างกันระหว่างพีซีกับมือถือ เช่น คำว่า “ถ่ายภาพแต่งงาน” บนพีซีจะเน้นเว็บไซต์แบรนด์ ส่วนบนมือถือจะเน้นร้านใกล้บ้าน เครื่องมือวัดจากพีซีจึงอาจไม่ตรงกับสิ่งที่คุณเห็น

วิธีเช็ค “อันดับจริง” ด้วยตัวเอง

① สามตัวช่วยแบบฟิสิคัล

  • ใช้มือถือผ่าน 4G/5G + เปิดโหมดเครื่องบินเพื่อรีเซ็ต IP: ห้ามใช้ Wi-Fi ออฟฟิศเด็ดขาด! แค่เปิดโหมดเครื่องบิน 10 วิแล้วปิด จะได้ IP ใหม่ (มีบริษัทจัดหาคู่ที่ใช้วิธีนี้เจออันดับซ่อนอยู่กว่า 20 รายการ!)
  • เปิดโหมดไม่ระบุตัวตน + ล็อกอินด้วยบัญชี Google ใหม่: ใช้ Chrome โหมดไม่ระบุตัวตน หรือสร้างบัญชี Google ใหม่ที่ยังไม่ได้ผูกเบอร์มือถือ จะไม่มีประวัติการค้นหามากวน
  • ปิด GPS + ตั้งค่าตำแหน่งเอง: ก่อนค้นหา “ฟิตเนส เขตเฉาหยาง” ให้ปิด GPS แล้วเปิด Google Maps ไปเลือกตำแหน่ง “เฉาหยาง” ด้วยตัวเอง ไม่งั้น Google จะใช้ตำแหน่งปัจจุบันมาโชว์ร้านใกล้คุณแทน

② ใช้อุปกรณ์หลายเครื่อง เช็คไขว้กัน

  • ให้ญาติในพื้นที่อื่นช่วยค้นหา: แจกค่าขนมให้ญาติในเซี่ยงไฮ้ค้นว่า “ที่พัก ซีหู หังโจว” หรือให้พี่ชายในกว่างโจวค้นว่า “ทนาย ฝูเถียน เซินเจิ้น” ก็ได้ ผลลัพธ์แต่ละพื้นที่ต่างกันได้ถึง 5–10 อันดับ
  • มือถือเครื่องเก่าเอามาใช้ได้: เอาโทรศัพท์ของพ่อแม่ที่ไม่มีบัญชีคุณอยู่ ใช้ค้นหาเพื่อจำลองพฤติกรรมผู้ใช้ใหม่

③ ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ย้อนกลับ

  • ดู CTR จาก Google Search Console: ถ้าคีย์เวิร์ดหนึ่งได้คลิกวันละ 20 แต่เครื่องมือบอกอยู่อันดับ 30 แปลว่าอันดับจริงน่าจะดีกว่านั้น (บริษัทการศึกษาแห่งหนึ่งพลาดคีย์เวิร์ดเด็ดๆ ไป 8 ตัวเพราะเชื่อเครื่องมือมากเกินไป)
  • เช็คข้อมูลคู่แข่งผ่าน Ahrefs: ถ้าเว็บของคู่แข่งในคำว่า “ดูแลหลังคลอด ปักกิ่ง” มีทราฟฟิกพุ่ง แสดงว่าอาจขึ้นอันดับ 1–3 แล้ว

④ เปรียบเทียบตามช่วงเวลา

  • ค้นเช้า กลางวัน เย็น วันละ 3 รอบ: คำเกี่ยวกับอาหาร เช่น “ปลาราดพริกทำเนียบรัฐ” Google จะโชว์ร้านใกล้ๆ ตอนถึงเวลาอาหาร แต่ช่วงอื่นจะโชว์เว็บที่ SEO ดีกว่า
  • เทียบวันศุกร์กับวันจันทร์: คำเกี่ยวกับท่องเที่ยวอย่าง “ดำน้ำ ซานย่า” มีคนค้นเยอะช่วงสุดสัปดาห์ ส่งผลให้โฆษณาดันอันดับขึ้น หน้าอันดับออร์แกนิกเลยปั่นป่วน

▌ข้อควรระวัง

  • อย่าค้นคีย์เวิร์ดเดิมซ้ำๆ จากเครื่องเดียวกัน เดี๋ยวจะโดน Google มองว่าโกงอันดับ
  • หลังค้นควรล้างแคชเบราว์เซอร์ให้สะอาด
  • อย่าค้นคีย์เวิร์ดท้องถิ่นจากพื้นที่นั้นๆ เอง เช่น อยากเช็ค “เช่าอพาร์ทเมนต์ กว่างโจว” ควรให้เพื่อนที่อยู่ฝอซานค้นแทน

เมื่อข้อมูลขัดแย้งกัน ใช้อะไรตัดสินดี?

เครื่องมือบอกว่าเว็บตกไปอยู่อันดับ 20 แต่ทราฟฟิกจริงขึ้น 30% หรือเจ้านายค้นเองในมือถือเจอเว็บอยู่อันดับ 5 แต่เครื่องมือยังโชว์ว่าอยู่ที่ 15 แบบนี้จะเชื่อใครดี?

แนวทาง ①: สนใจทราฟฟิกมากกว่าอันดับ

  • เครื่องมือดีเลย์เสมอ: มีกรณีหนึ่งเครื่องมือโชว์ว่าอันดับตกจาก 3 เป็น 8 แต่คลิกจริงกลับเพิ่มขึ้นทุกวัน แปลว่าอันดับกลับมาแล้ว แต่เครื่องมือยังไม่อัพเดต
  • จุดสำคัญ: มีคลิก = มีค่า ถึงเครื่องมือบอกว่าอันดับ 20 ก็เถอะ อันดับ 1 ที่ไม่มีคนคลิกก็คือภาพลวงตา
  • เคล็ดลับ: เปรียบเทียบวันที่เครื่องมืออัพเดตกับข้อมูลจาก Google Analytics ถ้าเห็นทราฟฟิกเพิ่มขึ้น ให้เชื่อข้อมูลจริงในมือคุณก่อน

เทคนิคที่ 2: ดูตำแหน่งคลิกจริง

  • กับดักของ “อันดับเฉลี่ย” ใน Google Search Console: เช่น แม้ระบบจะแสดงอันดับเฉลี่ยที่ 8 แต่จริงๆ แล้วอาจสลับไปมาระหว่างอันดับ 8 ถึง 15
  • เทคนิควิเคราะห์การกระจายของคลิก: ถ้า 80% ของคลิกมาจากหน้าแรก แสดงว่าอันดับจริงน่าจะอยู่ใน Top 10 แม้เครื่องมือจะแสดงว่าอยู่ลำดับที่ 12 ก็ตาม
  • เคล็ดลับของเครื่องมือในพื้นที่: ใช้ Google GSC > คำค้นหายอดนิยม เพื่อตรวจสอบตำแหน่งคลิกจริง

เทคนิคที่ 3: ตรวจสอบข้ามหลายเครื่องมือ + ตรวจสอบเอง

  • เปรียบเทียบข้ามเครื่องมือ: ใช้ SEMrush, Ahrefs, Moz เปรียบเทียบ ถ้า 2 ใน 3 เครื่องมือแสดงแนวโน้มขึ้น ให้ถือว่าข้อมูลน่าเชื่อถือ
  • ตรวจสอบเองแบบ manual: เสิร์ชเองแล้วใช้ Ctrl+F หาโดเมนของคุณ ถ้าเจอใน 3 หน้าแรก (ไม่ต้องเปลี่ยนหน้า) ก็แสดงว่าอยู่อันดับไม่เกิน 30
  • กรณีตัวอย่าง: บล็อกแม่และเด็กรายหนึ่ง เครื่องมือบอกว่า “อาหารเสริมทารก” อยู่อันดับ 25 แต่เห็นว่าทราฟฟิกคู่แข่งลดลงหนัก พอค้นเองจริงๆ กลับอยู่อันดับ 9 (เพราะเครื่องมือวิเคราะห์ผิดเรื่อง mobile responsive)

▌ข้อควรระวัง

  • คีย์เวิร์ดเฉพาะพื้นที่ เช่น “เช่าคอนโด วังจิ่ง” ควรเปลี่ยน IP ตอนตรวจสอบ
  • อันดับผันผวนก่อนและหลังวันหยุดยาวเป็นเรื่องปกติ (โฆษณาแทรกผลลัพธ์ธรรมชาติ)
  • คีย์เวิร์ดที่อยู่อันดับ 5 แต่ไม่มีคลิกเลย อาจหมายถึงคู่แข่งแย่งทราฟฟิกไปแล้ว ควรให้ความสำคัญกับคีย์เวิร์ดที่มีความขัดแย้งแบบนี้ก่อน

มือเก๋าเขาดูกันที่อะไร?

มือใหม่จะงงว่า “อันดับตกอีกแล้วทำไม?” ส่วนมืออาชีพแค่ยิ้ม เพราะเขารู้ว่าสิ่งไหนสำคัญจริง

ทีมที่ทำ SEO แล้วมีรายได้เป็นล้านต่อปี เขาไม่ยึดติดกับคีย์เวิร์ดเดียว แต่ดู “ตัวชี้วัดทองคำ” ที่ซ่อนอยู่ในรายละเอียด

① ไม่ใช่จำนวนคีย์เวิร์ด แต่เป็นคุณภาพทราฟฟิก

  • Bounce Rate บอกทุกอย่าง: แม้คีย์เวิร์ด “ตกแต่งออฟฟิศ ปักกิ่ง” อยู่อันดับ 3 แต่ถ้าคนกดเข้าเว็บแล้วเด้งออกใน 3 วิ (Bounce Rate 90%) แสดงว่าคีย์เวิร์ดไม่ตรงกลุ่ม หรือประสบการณ์ในหน้าเว็บไม่ดี = ทราฟฟิกไม่มีคุณภาพ
  • Conversion Rate คือราชา: สถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง อันดับลดจากที่ 5 ไปที่ 8 แต่ยอดลงทะเบียนทดลองเรียนกลับเพิ่มขึ้น 2 เท่า เพราะคนที่เข้าเว็บ “มีคุณภาพมากขึ้น”
  • เทคนิคจริง: ตั้งค่า Goal ใน Google Analytics เพื่อติดตามพฤติกรรม เช่น ส่งฟอร์ม กดหยิบลงตะกร้า ตามแต่ละคีย์เวิร์ด

② ดู “สุขภาพรวม” ของคีย์เวิร์ดทั้งเว็บ

  • ระวังการกระจุกตัว: ร้านอาหารดังแห่งหนึ่งมุ่งแต่ “อาหารฝรั่ง ซานหลี่ถุน” เลยไม่ติดอันดับในคำค้นแบบ “ร้านวันเกิด เขตเฉาหยาง” หรือ “ร้านนัดเดต กั๋วเม่า” ควรกระจายคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกว่า 500 รายการเพื่อความมั่นคง
  • ดู “เทรนด์” ไม่ใช่แค่จุดเดียว: Export คีย์เวิร์ด Top 1000 จาก Ahrefs ถ้า 70% เป็นแนวโน้มขาขึ้น แสดงว่าโดยรวมดี แม้บางคำจะตกก็ไม่ต้องตกใจ
  • เทคนิคเจอ “คีย์เวิร์ดม้ามืด”: ทุกสัปดาห์ให้ดูคำที่อยู่อันดับ 11–20 แล้วเร่งปรับปรุงหน้าเพจที่มีแนวโน้ม conversion สูง เช่นเว็บอีคอมเมิร์ซแห่งหนึ่งเจอว่า “ครีมกันแดดเด็กผู้ชาย” แปลงยอดขายได้มากกว่า “ครีมกันแดดเด็ก” ถึง 3 เท่า

③ วิเคราะห์ “พื้นที่รอด” บนหน้าผลการค้นหา

  • ระวังโฆษณาเบียด: ค้น “ทนายหย่า” แล้วเจอโฆษณา 5 รายการบนสุด แสดงว่าอันดับธรรมชาติที่ 6 ก็แทบจะไม่มีใครเห็น
  • ฟีเจอร์พิเศษแย่งคลิก: แม้อยู่อันดับ 2 แต่ถ้าอันดับ 1 มี Q&A หรือวิดีโอแบบ carousel ก็อาจได้คลิกมากกว่าถึง 5 เท่า บล็อกเกอร์สายบิวตี้รายหนึ่งโดนแย่งทราฟฟิกไปถึง 70%
  • วิธีเอาตัวรอด: ใช้ SERP Checker ตรวจสอบจำนวนโฆษณา, Q&A, snippet, และความเปลี่ยนแปลงของผลลัพธ์ในแต่ละคีย์เวิร์ด

④ กระจายความเสี่ยงด้วยหลายช่องทาง

  • ตัวอย่างที่ล้ม: บล็อกท่องเที่ยวหนึ่งขึ้นอันดับ 1 ใน “ทิเบต เที่ยว” แต่เพราะมีโฆษณาจำนวนมาก ทำให้ทราฟฟิกออร์แกนิกลดฮวบ
  • แผนประกันของมือโปร: เขียน Q&A บน Zhihu เพื่อรับทราฟฟิก, โพสต์วิดีโอบน Douyin เพื่อรับคนจากคลิป, ลงทะเบียนกับ Google Maps เพื่อให้ติดใน local search — แม้คีย์เวิร์ดไม่ทำงาน ช่องทางอื่นก็ยังช่วยดึงคนได้

▌แนวคิดหลัก

  • กฎ 80/20 ของทราฟฟิก: 80% ของผลลัพธ์มาจากคีย์เวิร์ดแค่ 20% — หาคำพวกนี้ให้เจอดีกว่าไล่ขึ้นอันดับ
  • SEO ≠ อันดับคีย์เวิร์ด: พฤติกรรมการค้นหา กฎของแพลตฟอร์ม และรูปแบบเนื้อหาล้วนเปลี่ยนเสมอ ถ้ามองแต่อันดับ ก็เหมือนวัดความเร็วรถไฟด้วยรถม้า (จากผู้ก่อตั้งเครื่องมือ SEO รายหนึ่ง)

เสียเวลาหลายชั่วโมงหมกมุ่นกับอันดับคีย์เวิร์ด อาจทำให้คุณพลาดสิ่งสำคัญ —
สุดยอด SEO ตัวจริงไม่ได้หลงกับตัวเลขในเครื่องมือ

ผู้ใช้ไม่สนว่าคุณอยู่ Baidu อันดับเท่าไหร่

สิ่งที่เขาอยากรู้คือ…

“คุณช่วยแก้ปัญหาของฉันได้หรือเปล่า?”

Picture of Don Jiang
Don Jiang

SEO本质是资源竞争,为搜索引擎用户提供实用性价值,关注我,带您上顶楼看透谷歌排名的底层算法。

最新解读
滚动至顶部