“เว็บไซต์ของคุณมีอันดับการค้นหาบน Google ต่างกันมากกว่า 20 อันดับระหว่างมือถือกับคอมพิวเตอร์หรือไม่? นั่นอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”
ตั้งแต่ Google เปิดตัว “Mobile-First Indexing” หลายบริษัทเริ่มเผชิญปัญหา เช่น “อันดับบนมือถือร่วงหนัก” หรือ “ค้นหาบนคอมได้ แต่บนมือถือไม่เจอเลย”
Table of Contens
Toggleสัดส่วนทราฟฟิกจากมือถือกับคอมต่างกันแค่ไหน?
เว็บไซต์ของบริษัท B2B แห่งหนึ่ง มีทราฟฟิกจากคอมพิวเตอร์มากถึง 65% ในขณะที่อัตราการละทิ้งจากมือถือสูงถึง 82%
แม้ผู้บริหารจะเน้นกลยุทธ์ “Mobile First” แต่กลับสูญเสียลูกค้าหลักไปถึง 30%
สัดส่วนทราฟฟิก ≠ สัดส่วนมูลค่า สิ่งสำคัญคือ ต้องดูว่า “ลูกค้าใช้มือถือค้นหา แต่สั่งซื้อผ่านคอมหรือไม่?”
วิธีดูทราฟฟิกแยกตามอุปกรณ์ด้วย Google Analytics
- ขั้นตอน: เข้าหน้า Dashboard → เลือก “Audience” → “Mobile” → “Overview” เพื่อดูสัดส่วนมือถือ/แท็บเล็ต/PC
- ตัวชี้วัดสำคัญ: เทียบอัตราการละทิ้ง (Bounce Rate) – มือถือมักสูงกว่าคอม 15–25%, เวลาอยู่บนหน้า (ถ้าคอม > 3 นาทีควรให้ความสำคัญ)
- ข้อควรระวัง: กรอง Bot Traffic เช่น SEMrushBot, และยกเว้น IP ภายในบริษัทที่ใช้ทดสอบ
ตัวอย่างความแตกต่างของทราฟฟิกในแต่ละอุตสาหกรรม
- อีคอมเมิร์ซ: มือถือมากกว่า 70% (พฤติกรรมซื้อแบบฉับพลัน) แต่ยอดซื้อเฉลี่ยบนคอมสูงกว่ามือถือ 20–50%
- บริการท้องถิ่น (ร้านอาหาร, ทำความสะอาด): มือถือมากกว่า 90% แต่แบบฟอร์มหรืออีเมลสอบถามกลับเป็นคอมมากกว่า
- B2B: คอมพิวเตอร์ 60–80% การสอบถามมากกว่า 60% มาจากคอมช่วงวันธรรมดา 9:00–17:00
อุปกรณ์ที่ทราฟฟิกน้อยควรละเลยหรือไม่?
เกณฑ์พิจารณา:
- ถ้าอุปกรณ์นั้นมีทราฟฟิกน้อยกว่า 10% และ Bounce Rate เกิน 70% → แค่ปรับพื้นฐานก็พอ เช่น ปรับความเร็วโหลด หรือแสดงเนื้อหาหลักให้ครบ
- แม้ทราฟฟิกน้อยกว่า 10% แต่ เวลาบนหน้าเกิน 3 นาที → ควรปรับเฉพาะ เช่น ปุ่มดาวน์โหลด PDF บน PC
ตัวอย่าง: เว็บไซต์บริษัทเครื่องมือวัด มีทราฟฟิกมือถือแค่ 8% แต่มีอัตราดาวน์โหลดคู่มือบนมือถือมากกว่าคอม 2 เท่า → เพิ่มลิงก์คู่มือบนมือถือ ทำให้ยอดสอบถามเพิ่มขึ้น 15%
Mobile-First Indexing เปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง?
ถึงแม้เนื้อหาใน PC จะเยอะ แต่ Google อาจมองว่า “ไม่มีอยู่จริง” ถ้าไม่แสดงบนมือถือ
เว็บไซต์ข่าวแห่งหนึ่ง มีบทความในเวอร์ชัน PC ถึง 800 บท แต่เวอร์ชันมือถือแสดงแค่ 500 บท → ทราฟฟิกลดลงครึ่งหนึ่ง
Mobile-First Indexing คือระบบที่ Google จะพิจารณาอันดับจากเวอร์ชันมือถือเป็นหลัก
หากหน้าเว็บช้า ข้อมูลไม่ครบ หรือเลย์เอาต์พังในมือถือ ก็อาจส่งผลให้ทั้งเว็บไซต์ถูกลดอันดับ
ผลกระทบหลัก 3 ข้อของ Mobile-First Indexing
- โควต้า Crawl เอียงไปทางมือถือ: 70% ของบอท Google จะตรวจเวอร์ชันมือถือเป็นหลัก (อ้างอิง: BrightEdge 2023)
- อัลกอริธึมจัดอันดับใหม่: UX มือถือมีน้ำหนักมากกว่า 60% เช่น ขนาดปุ่ม ระยะห่าง UI ความเข้าใจง่าย
- ต้องมีข้อมูลเหมือนกัน: ถ้าไม่มีรายละเอียดสินค้า คำถามที่พบบนมือถือ จะถูกมองว่าเป็น “เนื้อหาคุณภาพต่ำ”
กรณีศึกษา: UX บนมือถือแย่ ทำให้อันดับร่วง
สถานการณ์: เว็บขายรองเท้าผ้าใบ มีผู้เข้าใช้งานบนคอม 12,000 คน/วัน แต่เวอร์ชันมือถือใช้รูป 1MB+, ปุ่มห่างกันน้อยกว่า 48px ทำให้ Google ให้คะแนน UX ต่ำ
ผลกระทบ: อันดับบนมือถือร่วง 40% ภายในสัปดาห์ คีย์เวิร์ด “รองเท้าวิ่งผู้ชาย” จากอันดับ 3 เหลือ 58
วิธีแก้:
- บีบอัดภาพด้วย Squoosh ให้เหลือไม่เกิน 300KB
- ปรับปุ่มให้ห่างกันอย่างน้อย 48px และเพิ่มเอฟเฟกต์เวลาแตะ
- เพิ่มข้อมูลเช่น ตารางไซส์ บนมือถือด้วย
ผลลัพธ์: อันดับกลับมาอยู่ใน Top 20 ภายใน 28 วัน และ Conversion บนมือถือเพิ่มขึ้น 18%
เนื้อหาที่มีเฉพาะบนคอมพิวเตอร์ควรทำอย่างไร?
คำแนะนำจาก Google Search Central:
- Responsive Design: ใช้ URL เดียว ปรับเลย์เอาต์ตามอุปกรณ์ – ควรมีเนื้อหาครบทั้ง PC และมือถือ (แนะนำมากที่สุด)
- Dynamic Serving: แสดง HTML ต่างกันตามอุปกรณ์ ต้องแจ้ง URL ของมือถือใน Search Console
- แยกโดเมน (เช่น m.example.com): ต้องตั้งค่า rel=canonical และ hreflang อย่างถูกต้อง
ข้อควรระวัง: หากมีเนื้อหาสำคัญเฉพาะ PC เช่น รายงานอุตสาหกรรม หรือเอกสารเทคนิค ควรมีลิงก์ชัดเจนจากมือถือ มิฉะนั้น Google อาจมองว่า “ซ่อนข้อมูลโดยเจตนา”
ทำไมอันดับ Google บนมือถือกับคอมถึงต่างกัน?
“คีย์เวิร์ดหนึ่ง อันดับที่ 5 บนคอม แต่ไม่ติดอันดับบนมือถือเลย?” อาจติดกับดัก UX ของ Google
Google ไม่ได้ใช้ลำดับเดียวกันทั้ง 2 อุปกรณ์ แต่จะ ตรวจสอบ UX มือถือมากกว่า 35 รายการ เช่น ความเร็วโหลด ความครบของเนื้อหา ความสะดวกใช้งาน
6 จุดลดคะแนนเฉพาะบนมือถือ
เวลาโหลดเกิน 5 วินาที: บน 3G ผู้ใช้งาน 53% จะละทิ้งเว็บไซต์หากโหลดเกิน 5 วินาที (Google Core Web Vitals)
- วิธีตรวจ: ใช้ PageSpeed Insights เช็ค LCP ถ้าเกิน 4 วินาทีควรปรับ
- วิธีแก้: ลดขนาดภาพหน้าจอแรกให้ไม่เกิน 150KB โหลด JS แบบ async
ปุ่มห่างกันน้อยเกินไป: ถ้าระยะห่าง < 32px อาจโดนมองว่าแตะผิดง่ายตัวอย่าง: เว็บไซต์ด้านการศึกษา ปุ่ม “สมัครเรียน” กับ “ยกเลิก” ห่างกันแค่ 28px ทำให้ Conversion บนมือถือต่ำกว่าคอม 37%
ไม่มีข้อมูลบนมือถือ:
- ปัญหา: ไฟล์ PDF ตารางเปรียบเทียบสเปค มีเฉพาะบน PC
- ทางแก้: ใช้ CSS แบบย่อ แสดงข้อมูลเฉพาะจุดสำคัญ พร้อมปุ่ม “ดูสเปค”
วิธีดูจำนวนหน้าที่ถูกจัดอันดับบนมือถือ/PC ด้วย Search Console
ขั้นตอน: เปิด Search Console → เลือกเวอร์ชันมือถือและ PC → เปรียบเทียบจำนวนหน้าที่ถูกจัดอันดับ
- สถานะปกติ: จำนวนหน้าบนมือถือควร ≥ 95% ของ PC (ยกเว้นกรณี Dynamic Serving)
- หากน้อยกว่า 80%: ตรวจ robots.txt ว่าบล็อกอยู่หรือไม่ และเช็คว่ามีเนื้อหาซ้ำซ้อนหรือเปล่า
ระยะห่างระหว่างองค์ประกอบที่คลิกได้แคบเกินไป: หากปุ่ม/ลิงก์ห่างกันน้อยกว่า 32px Google จะพิจารณาว่าเป็น “การโต้ตอบที่ทำให้เข้าใจผิด” (เสี่ยงต่อการแตะผิด)
กรณีตัวอย่าง: หน้าหลักสูตรบนมือถือของเว็บไซต์การศึกษาแห่งหนึ่ง ปุ่ม “สมัครเลย” กับ “ยกเลิก” ห่างกันเพียง 28px ทำให้อัตราการแปลงบนมือถือต่ำกว่า PC ถึง 37%
เนื้อหาที่ไม่ได้ปรับให้เหมาะกับมือถือ
- ข้อผิดพลาด: ไฟล์ PDF คู่มือสินค้า และตารางเปรียบเทียบบน PC ไม่ได้มีทางเข้าใช้งานในมือถือ
- แนวทางแก้ไข: ใช้ CSS ซ่อนตารางที่ซับซ้อนบน PC และเพิ่มปุ่ม “ดูรายละเอียด” บนมือถือโดยฝังข้อมูลที่จำเป็น
วิธีใช้ Search Console เพื่อเปรียบเทียบจำนวนหน้าที่ถูกจัดทำดัชนีระหว่างมือถือกับ PC
เส้นทางการใช้งาน: Search Console → เลือกอุปกรณ์ “มือถือ” และ “เดสก์ท็อป” → เปรียบเทียบจำนวน “หน้าที่จัดทำดัชนีแล้ว”
- ช่วงที่ถือว่าปกติ: จำนวนหน้าที่จัดทำดัชนีของมือถือควรมากกว่าหรือเท่ากับ 95% ของ PC (ยกเว้นเว็บไซต์ที่ให้บริการแบบไดนามิก)
- กรณีผิดปกติ: หากน้อยกว่า 80% ให้ตรวจสอบว่า robots.txt บล็อก User Agent ของมือถือหรือไม่ และมีเนื้อหาซ้ำในเวอร์ชันมือถือหรือเปล่า
กรณีตัวอย่าง: เว็บไซต์ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งตั้งค่า robots.txt บนมือถือผิด บล็อกการเข้าถึงหน้าผลิตภัณฑ์ถึง 90% ส่งผลให้ทราฟฟิกมือถือร่วง 70%
รายการตรวจสอบปัญหาทั่วไป: PC มีอันดับแต่มือถือไม่มี
ขั้นตอนที่หนึ่ง: ตรวจสอบข้อผิดพลาดด้านเทคนิคก่อน
- หน้าเวอร์ชันมือถือมีข้อผิดพลาด 404/500 (ใช้ Screaming Frog เพื่อครอล URL มือถือ)
- Meta Robots ของมือถือถูกตั้งเป็น noindex (พบบ่อยในแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์แบบสำเร็จรูป)
ขั้นตอนที่สอง: เปรียบเทียบความเท่าเทียมของเนื้อหา
- ใช้ Diffchecker เปรียบเทียบ HTML ของ URL เดียวกันระหว่าง PC และมือถือ ให้แน่ใจว่าข้อความหลักคล้ายกันมากกว่า 90%
- เวอร์ชันมือถือควรมี H1 เดียวกัน และคุณสมบัติสำคัญของสินค้า เช่น ราคา รุ่น เป็นต้น
ขั้นตอนที่สาม: ตรวจสอบ Schema Markup (ข้อมูลโครงสร้าง)
- หากมือถือไม่มีข้อมูล Schema ที่มีใน PC เช่น การให้คะแนนสินค้า สถานะสินค้า Google อาจลดความน่าเชื่อถือของหน้า
เทคนิคปรับอันดับแบบทั้งมือถือและ PC พร้อมกัน
ทำ SEO ทั้งมือถือและ PC พร้อมกัน แต่ทราฟฟิกลดลง 15%? คุณอาจกำลังทำ “การปรับแบบผิวเผิน”
การปรับให้สอดคล้องกันจริง ๆ ไม่ใช่แค่คัดลอก แต่เป็น “การแยกกลยุทธ์ตามอุปกรณ์”: มือถือควรเน้นจุดขายที่ชัดเจนก่อน ส่วน PC ควรลงลึกในข้อมูลรายละเอียด
ใช้ CSS Media Query เพื่อทำ “พัฒนาแบบเดียว ใช้ได้ทั้งสองเวอร์ชัน”
หลักการ: ใช้ขนาดหน้าจอเพื่อสลับการแสดงผล แต่ใช้ URL เดียวกัน (ดีต่อ SEO)
ตัวอย่างโค้ด:
/* แสดงตารางสเปกเต็มบน PC */
@media (min-width: 1024px) {
.product-specs { display: table; }
}
/* ซ่อนตารางบนมือถือ แสดงเฉพาะข้อมูลหลัก */
@media (max-width: 768px) {
.product-specs { display: none; }
.mobile-specs { display: block; }
}
ข้อดี: หลีกเลี่ยงปัญหาเนื้อหาซ้ำจากการใช้ m.domain (เว็บไซต์แยกสำหรับมือถือ)
รายการตรวจสอบ: ใช้ Chrome DevTools สลับโหมดอุปกรณ์ ตรวจสอบว่าการแสดงผลทั้งสองเวอร์ชันตรงกันหรือไม่
เทคนิคการจัดวางเนื้อหาให้ต่างกันระหว่างมือถือ/PC
เนื้อหาหลักที่ต้องเหมือนกัน:
- H1, ราคาสินค้า, ชื่อแบรนด์, ฟีเจอร์หลัก
- Schema พื้นฐาน เช่น คะแนนรีวิว สถานะสินค้า
เนื้อหาที่ควรแตกต่างตามอุปกรณ์:
มือถือ:
- แสดงรีวิวผู้ใช้งาน โปรโมชั่นนับถอยหลังในหน้าจอแรก (กระตุ้นการตัดสินใจ)
- เนื้อหายาวควรย่อด้วยปุ่ม “อ่านเพิ่มเติม” (ลดความเมื่อยในการเลื่อน)
PC:
- เพิ่มลิงก์ “ดาวน์โหลดเอกสารทางเทคนิค” ที่แถบด้านข้าง (เหมาะสำหรับ B2B)
- เพิ่มตารางเปรียบเทียบ และข้อมูลรับรองอุตสาหกรรมไว้ด้านล่าง
3 สิ่งที่ต้องตรวจสอบทุกเดือนเพื่อเปรียบเทียบอันดับ
ตัวชี้วัด 1: ความแตกต่างของอันดับคีย์เวิร์ดหลัก
- เครื่องมือ: ใช้ SEMrush Position Tracking เปรียบเทียบระหว่างมือถือและ PC
- เกณฑ์ยอมรับได้: อันดับบนมือถืออาจต่ำกว่า PC ได้ 5-10 ตำแหน่ง (หากมากกว่านั้นให้ตรวจสอบ UX)
ตัวชี้วัด 2: อัตราการคลิก (CTR)
หลักการวิเคราะห์: หาก CTR ของ PC สูงกว่ามือถือเกิน 30% อาจเป็นเพราะชื่อหัวข้อในมือถือแสดงไม่ครบ (ตรวจด้วยเครื่องมือของ MOZ)
ตัวชี้วัด 3: การเปลี่ยนแปลงของ Bounce Rate ตามอุปกรณ์
เกณฑ์ประเมิน: หาก Bounce Rate ของมือถือพุ่งขึ้นมากกว่า 10% ให้ตรวจสอบความเร็วโหลด (ใช้ PageSpeed Insights) และองค์ประกอบโต้ตอบในหน้าจอแรก (เช่น ปุ่มถูกโฆษณาบังหรือไม่)
หากเว็บไซต์ของคุณยังมี “ช่องว่างระหว่างอันดับของมือถือและ PC” ส่ง URL มาให้เรา เรายินดีช่วยวิเคราะห์ SEO ฟรี (จำนวนจำกัด)